วันศุกร์ที่ 26 ธันวาคม พ.ศ. 2557

พระธาตุองค์เดิม

พระธาตุพนมองค์เดิม

      ลักษณะและที่ตั้งสถูป
      สถูปอิฐพระธาตุพนมองค์เดิม ตั้งอยู่เกาะกลางสระน้ำหน้าวัดพระธาตุพนมวรมหาวิหาร  ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ ห่างจากองค์พระธาตุพนมประมาณ ๒๐๐ เมตร และห่างจากริมฝั่งแม่น้ำโขง ซึ่งเป็นเส้นกั้นเขตแดนระหว่างประเทศไทยและประเทศลาวประมาณ ๒๕ๆ เมตร มีลักษณะรูปทรงสี่เหลี่ยม สูงจากระดับพื้น ประมาณ ๑๔ เมตร ตั้งอยู่บนฐานสูง ๖ๆ เซนติเมตร ข้างในใช้เก็บรักษาเศษอิฐเศษปูนพระธาตุพนมองค์เดิม ซึ่งหักพังทลายลงในวันที่ ๑๑ สิงหาคม ๒๕๑๘ นอกจากนี้ ยังำด้บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ พระอรหันตธาตุ พระพุทธรูป อัญมณี และวัตถุมงคลอื่น ๆ เป็นจำนวนมากอีกด้วย กรุสำหรับบรรจุพระบรมสารีริกธาตุพร้อมทั้งสิ่งของอันมีค่า ได้จัดทำขึ้นเป็นพิเศษ ส่วนกว้าง ๑.๕๐ เมตร ยาว ๒ เมตร สูง ๑.๕๐ เมตร 
การดำเนินการก่อสร้าง
          ก่อนอื่น ต้องย้อนไปดูเหตุการณ์ซึ่งเกิดขึ้นกับองค์พระธาตุพนมเมื่อ ๒๕ ปีล่วงแล้ว เราจึงจะรู้ที่ไปที่มาของเศษอิฐเศษปูนที่เก็บรักษาอยู่ในสถูปโดยแจ่มแจ้ง กล่าวคือ เมื่อวันที่ ๑๑ สิงหาคม พ.ศ. ๒๕๑๘ เวลา ๑๙.๓๘ น. พระธาตุพนมซึ่งเป็นปูชนียสถานที่สำคัญแห่งหนึ่งของประเทศไทย และเป็นจุดศูนย์รวมแห่งการเคารพบูชาของชาวพุทธในลุ่มแม่น้ำโขงมาช้านาน ประมาณ ๒,๐๐๐ กว่าปี ได้หักพังทลายลงไปทางทิศตะวันออกทั้งองค์ทั้งนี้สืบเนื่องมาจากพระธาตุช่วงล่างหรือช่วงที่หนึ่งเก่าแก่และชำรุดมาก ไม่สามารถทานน้ำหนักช่วงบนไว้ได้จึงเป็นเหตุให้หักพังลงมาดังกล่าวแล้ว  ทางรัฐบาลได้ดำเนินการก่อสร้างใหม่ในปีต่อมา โดยสร้างด้วยคอนกรีตครอบฐานองค์เดิมซึ่งยังเหลืออยู่ประมาณ  ๖ เมตร
       ก่อนจะลงมือก่อสร้าง  เจ้าหน้าที่กรมศิลปากรร่วมกับทางวัดพระธาตุพนม โดยขนไปเก็บไว้ที่สนามด้านตะวันออก  หอพระนอนหรือหอพุทธไสยาสน์  ซึ่งอยู่นอกวิหารคตทางด้านเหนือองค์พระธาตุพนม เป็นการเก็บไว้ชั่วคราว ในขณะเดียวกันนั้นก็คัดเลือกเอาอิฐส่วนที่สมบูรณ์และมีลวดลายแยกไว้ต่างหาก อิฐจำนวนนี้ส่วนมาก ได้เก็บไว้ที่ที่วิหารคตทางทิศใต้องค์พระธาตุพนมทั้งนี้ เพื่อความสะดวกในการก่อสร้างพระธาตุพนมองค์ใหม่
        ต่อมาเมื่อสร้างโครงพระธาตุด้วยคอนกรีตแล้วเสร็จ ก็ทำการตบแต่งด้วยลวดลาย  อิฐลวดลายที่คัดเลือกไว้ก่อนหน้านี้นั้นไม่สามารถนำไปปะติดปะต่อประกอบเป็นลวดลายได้ทั้งหมด ทำได้เป็นบางตอนที่ช่วงล่างเท่านั้น ทั้งนี้ เพราะพระธาตุพนมองค์ใหม่เล็กกว่าองค์เก่า คือ ที่ช่วงล่างหรือช่วงที่หนึ่งเล็กกว่าองค์เก่าหรือองค์เดิมด้านละประมาณ ๕  เซนติเมตร อีกประการหนึ่งอิฐลวดลายที่คัดเลือกไว้นั้นมีไม่ครบ ชำรุดและหายไปก็มาก ไม่สามารถนำมาต่อกันให้เป็นลวดลายได้  อิฐลายส่วนที่เหลืออยู่จำนวนหนึ่ง  เจ้าหน้าที่กรมศิลปากรให้คนงานนำไปเก็บไว้ที่โรงเก็บพัสดุก่อสร้าง ซึ่งอยู่ด้านเหนือโรงเรียนพนมวิทยาคาร  ต่อมาได้รื้อถอนโรงเก็บพัสดุก่อสร้าง  ทางวัดพระธาตุพนมได้นำไปเก็บไว้ที่ศูนย์ศิลปวัฒนธรรมรัตนโมลีศรีโคตบูร
        พ.ศ. ๒๕๒๕ หลังจากสร้างพระธาตุพนมแล้วเสร็จโดยสมบูรณ์เป็นเวลา ๓ ปีเศษ ทางวัดได้ขนย้ายเศษอิฐเศษปูนของพระธาตุพนมองค์เดิม  ซึ่งกองรวมกันอยู่ที่สนามหญ้าทางตะวันออกหอพระนอน  เอาไปเก็บไว้ที่เกาะกลางสระน้ำหน้าวัดพระธาตุพนม
      พ.ศ.  ๒๕๓๕  ทางวัดพระธาตุพนมได้ขุดลอกสระน้ำหน้าวัด  ทางด้านใต้และด้านเหนือ  ได้ตบแต่งขอบสระน้ำให้สวยงามและมั่นคงด้วยหินทรายทั้ง ๒ สระ  ในปีนั้นก็ได้มีโครงการจะสร้างสถูปอิฐพระธาตุพนมด้วย  แต่ไม่อาจดำเนินการได้  เพราะทุนทรัพย์ไม่พอ ส่กิวนทุนทรัพย์ที่มีอยู่ในขณะนั้น  ก็ได้เอาไปสร้างสิ่งที่จำเป็นกว่า ซึ่งจะต้องใช้โดยรีบด่วนเช่น  เมรุเผาศพ ศาลาบำเพ็ญกุศล และกุฏิที่พักพาอาศัยของพระภิกษุสามเณรเป็นต้น  แต่ได้รวบรวมเศษอิฐพระธาตุซึ่งยังกระจัดกระจายอยู่ในที่อื่นภายในวัด และที่อยู่ที่เกาะกลางสระน้ำหน้าวัดเอามากองพูนกันขึ้นเหมือนจอมปลวกสูงประมาณ ๕ เมตร เพื่อเตรียมก่อสร้างสถูปครอบภายหลัง  ได้ใช้อิฐก่อสร้างเป็นตัวอักษรไว้ที่ขอบสระ  เพื่อให้คนที่เดินทางผ่านไปมาได้รู้ว่าเรามีโครงการก่อสร้างสถูป  เพื่อเก็บรักษาอิฐพระธาตุพนมองค์เดิมไว้ไม่ให้สูญหาย  ตักอักษรที่ขอบสระมีอยู่ด้วยกัน ๓ ด้านคือ ด้านเหนือ ด้านตะวันออก และด้านใต้  มีใจความวว่า “สถูปอิฐพระธาตุพนมองค์เดิม” นอกจากนี้ ยังใช้อิฐก่อเป็นตัวเลขบอก พ.ศ. ที่ขุดลอกสระว่า “๒๕๓๕” อีกด้วย
        จาก พ.ศ. ๒๕๓๕ จนถึง พ.ศ. ๒๕๔๑ เป็นเวลา  ๗  ปี  จึงได้ดำเนินการก่อสร้างเป็นองค์สถูปขึ้น  คุณปัฐวาท  สุขศรีวงศ์  กรุงเทพมหานคร  และคณะอันประกอบด้วย คุณศิริธัช  โรจนพฤกษ์  พล.โท ประวิตร  วงศ์สุวรรณ  เป็นต้น  มีศรัทธาเป็นเจ้าภาพบริจาคทุนทรัพย์ในการดำเนินการก่อสร้างทั้งหมดจำนวน ๒,๖๒๐,๐๐๐ (สองล้านหกแสนสองหมื่นบาทถ้วน) รายละเอียดในการก่อสร้างสถูกมีดังนี้  พระครูพนมธรรมโฆสิต (ดร. พระมหาสม  สุมโน) ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดพระธาตุพนมวรมหาวิหาร  โดยการอนุมัติของเจ้าอาวาสวัดพระธาตุพนมวรมหาวิหาร  คือ  พระธรรมปริยัติมุนี  เป็นผู้ออกแบบก่อสร้าง  โดยให้มีรูปทรงคล้ายกันกับองค์พระธาตุพนมยุคแรก  คือ  ยุค  พ.ศ.  ๘  หรือที่เรียกกันว่าพระธาตุพนมช่วงแรก  ได้ว่าจ้างคนงานในถิ่นนี้มาทำจำนวน  ๓๐ คน  ให้นายสว่าง  ต้นเงิน  เป็นหัวหน้าควบคุมดูแล  พระครูพนมธรรมโฆสิต  เป็นผู้ควบคุมการก่อสร้างทั้งหมด
       วันที่  ๑๘ พฤษภาคม  ๒๕๔๑  ก่อนลงมือทำการก่อสร้าง  ได้นิมนต์พระสงฆ์  ๔  รูป  มาสวดพุทธมนต์ประพรมน้ำพระพุทธมนต์  และหว่านหินลูกกรวดและทราย  ซึ่งทำการปลุกเสกดีแล้ว  ในจุดที่จะทำการก่อสร้าง
        ฐานสถูปสูง  ๖๐ เซนติเมตร  กว้างด้านละ  ๑๖  เมตร  องค์สถูปกว้างด้านละ  ๑๒  เมตร  เทเสาด้วยคอนกรีตเสริมเหล็กจำนวน  ๑๒  ต้น  มีคานยึด  ๔  แห่ง  เทคอนกรีตเสริมเหล็ก  เป็นผนังด้านในสุด  สูง  ๘  เมตร  ใช้อิฐใหม่ก่อทาบผนังคอนกรีต  ใช้อิฐเก่าสลับอิฐใหม่ก่อทาบอีกชั้นหนึ่งระหว่างหนังอิฐใหม่และผนังอิฐเก่าผสมอิฐใหม่  ได้เทคอนกรีตเสริมเหล็กเชื่อมหนา  ๑๐  เซนติเมตร  สรุปแล้วผนังสถูปมี  ๔  ชั้นคือ
      ๑.  ด้านในคอนกรีตเสรอมเหล็ก
      ๒. อิฐใหม่ก่อเรียงกันขึ้นตามแนวผนังคอนกรีต
      ๓.  คอนกรีตเสริมเหล็กเชื่อมระหว่างผนังอิฐเก่าและอิฐใหม่
      ๔.  อิฐเก่าและอิฐใหม่เป็นผนังชั้นนอกสุด
       สำหรับอิฐลวดลายองค์พระธาตุพนมองค์เดิม  ซึ่งเก็บรักษาอยู่ที่ศูนย์ศิลปวัฒนธรรมรัตนโมลีศรีโคตบูรนั้นได้นำมาก่อติดผนังด้านนอกทั้ง  ๔  ด้าน  เนื่องจากอิฐลวดลายที่คัดเลือกแล้วนั้นมีเหลืออยู่ไม่มาก  ที่ชำรุดและสูญหายไปก็มาก  จึงไม่สามารถประกอบเป็นลวดลายที่สมบูรณ์ได้เหมือนเดิม  อย่างไรก็ดี  อิฐลวดลายซึ่งมีอยู่ขณะนี้  ก็พอถือเอาเป็นข้อมูลในการศึกษาด้านโบราณคดีได้
      เมื่อเทคอนกรีตและก่ออิฐสูง  ๘  เมตรแล้ว  จากนั้นก็ได้ก่อหลังคามุงไว้สูงประมาณ  ๖  เมตร  สถูปรวมสูง ๑๔  เมตร  หรือจะเรียกว่า  “อูบมุง) ก็ได้ไม่ผิด  หลังคามีลักษณะกลมเหมือนโอคว่ำ  ต่างแต่ยอดสุดมีรูปปั้นดอกบัว ๕ ดอกเท่านั้น
      รูปดอกบัวปั้นที่หลังคาทั้ง ๕ ดอกนั้น ๔ ดอกเป็นดอกบัวที่บานแล้ว  อีกดอกยังตูมอยู่  ยังไม่บาน  ซึ่งก็มีความหมายดังนี้
       ในภัททกัปนี้  มีพระพุทธเจ้ามาตรัสรู้ ๕ องค์ ๔ องค์ตรัสรู้ไปแล้ว  ปละปรินิพพานไปแล้ว  อันได้แก่  พระกกุสันธะ,พระโกนาคมนะ, พระกัสสปะ และพระโคตมะ  เหมือนดอกบัวที่บ้านแล้วและร่วงโรยไปแล้ว  อีกหนึ่งองค์  จะมาตรัสรู้ในภายหน้า  ในปลายภัททกัปนี้  ซึ่งได้แก่  พระศรีอริยเมตไตย์  เหมือนดอกบัวที่ยังตูมอยู่แต่จะบานในภายภาคหน้า
                                                                                                                                                                                                                                                                                         ภาพพระธาตุพนมองค์เดิม(หาดูยากมากๆๆๆเก่ามากๆๆๆ)   

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น